ห้วงวันเวลาของฤดูกาลที่เลยผ่านจากฤดูฝนสู่ฤดูหนาว ลมเย็นพัดเบาๆ หอบเอาความหนาวมาปกคลุมสู่ผืนป่าดงนาทาม ฤดูกาลแห่งการเที่ยวภู นอนดอยรับลมหนาวของใครหลายคนที่รอคอยมาถึงแล้ว เราจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับอากาศหนาว นอนนับดาว สูดกลิ่นหอมของดอกไม้ป่า ชมทะเลหมอกยามเช้าที่ผาชะนะได จังหวัดอุบลราชธานี
“พรุ่งนี้พระอาทิตย์ขึ้นที่ผาชะนะได อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี” เสียงจากการรายงานพยากรณ์อากาศหลังข่าวภาคค่ำที่หลายคนเคยได้ฟังจนชินหู ทำไมพระอาทิตย์ต้องขึ้นที่ผาชะนะได ผาชะนะไดอยู่ที่ไหน สวยงามเพียงใด คงเป็นคำถามที่ค้างคาใจของใครหลายคนกันมานาน
ผาชะนะได เป็นภูเขาที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 450 เมตร ส่วนของหน้าผาตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของประเทศไทย เป็นจุดเริ่มต้นคำนวณเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ตั้งอยู่ในป่าดงนาทาม ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เป็นจุดที่มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นจุดแรกของประเทศไทย ทิวทัศน์เบื้องล่างจะเป็นแม่น้ำโขงกั้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยและลาว เบื้องหน้าเป็นภูเขาแดนลาวที่วางเรียงรายสลับซับซ้อนมองดูสวยงาม ฤดูหนาวนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความสวยงามของทะเลหมอกเหนือลำน้ำโขง
ป่าดงนาทามเป็นผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งสัตว์ป่าและเหล่าพันธุ์พืชของต้นไม้ ดอกไม้ป่าต่างๆ ที่หาดูได้ยาก ความหลากหลายทางธรรมชาติ เช่น น้ำตก ทุ่งดอกไม้ป่า กลุ่มหินรูปร่างแปลกตา เหมาะสำหรับการเดินทางไปสัมผัสธรรมชาติและพักผ่อนวันหยุดที่แสนเงียบสงบในผืนป่าใหญ่ เสน่ห์ของผาชะนะไดมีมากมาย โดยเฉพาะถนนที่ขึ้นสู่ยอดผาเป็นระยะทาง 15 กิโลเมตรสุดท้าย ถือได้ว่าท้าทายความสามารถของคนขับรถ เพราะลักษณะถนนเป็นเส้นทางกึ่งออฟโรดขึ้นเนินและลานหินที่ขรุขระ กระเด้งกระดอน โยกเยกไปมา ตลอดระยะทางถนนสองข้างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมและสัมผัสตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก กลุ่มหินรูปร่างแปลกตา ลานดอกไม้ป่า และพะลานหิน ล้วนดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวได้จอดรถแวะถ่ายรูปกัน หรือจะลงเล่นน้ำตกก่อนเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ผาชะนะไดก็ได้ นอกจากน้ำตกที่สวยงามแล้ว ยังมีประติมากรรมหินรูปร่างแปลกตาที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ขึ้นมาจากการกัดกร่อนของสายลมและแสงแดดที่ล้วนแล้วแต่นักท่องเที่ยวจะจินตนาการรูปร่างของหินที่พบแตกต่างกันออกไป
การเดินทางในช่วงระยะ 15 กิโลเมตรสุดท้ายควรใช้รถกระบะที่มีความสูงปกติหรือรถกระบะยกสูงขับเคลื่อนสี่ล้อจะสะดวกในการเดินทางกว่า เพราะบางจุดต้องข้ามลำธารและสลับกับขึ้นเนินหินที่มีความชัน หากเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ถนนจะมีน้ำขังทำให้บางจุดรถอาจติดหล่มได้ เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวควรเตรียมอุปกรณ์ในกรณีฉุกเฉิน เช่น จอบ เสียม ไปด้วย เพื่อการเดินทางที่ราบรื่น นอกจากนี้ตลอดระยะทางที่เป็นช่วงกึ่งออฟโรดจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ทำให้ไม่สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ การเดินทางในช่วงนี้อาจใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวควรเตรียมอาหารและเครื่องดื่มให้พร้อม เพราะที่หน่วยบริการนักท่องเที่ยวผาชะนะไดข้างบนไม่มีจำหน่าย แต่จะมีเต็นท์และถุงนอนเท่านั้นไว้คอยบริการ
เมื่อเดินทางถึงหน่วยบริการนักท่องเที่ยวผาชะนะไดแล้ว จะมีลานกางเต็นท์ 3 จุดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวได้หลายร้อยคน มีห้องน้ำที่สะอาด มีไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ส่องสว่างจนถึงเวลาประมาณเที่ยงคืน จากนั้นไฟก็จะดับและมืดสนิท นักท่องเที่ยวควรเตรียมอุปกรณ์ส่องสว่างมาให้พร้อม
ในระหว่างทางก่อนถึงผาชะนะไดเพียง 1 กิโลเมตร มีจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม นั่นคือ เสาเฉลียงคู่ ซึ่งแยกเข้าไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ที่นี่ถือได้ว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในจังหวัดอุบลราชธานีเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถมองเห็นภูเขาที่วางเรียงรายสลับซับซ้อนของผืนป่าดงนาทามอันกว้างใหญ่และเงียบสงบ มีสายลมหนาวพัดมากระทบเป็นระยะๆ ช่างเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกควบคู่ไปกับการนั่งชมแสงตะวันสุดท้ายของวัน หากนักท่องเที่ยวนั่งต่ออีกสักครู่หลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว จะมองเห็นหมู่ดาวที่ส่องแสงทอประกายหนึ่งในนั้นที่ชวนให้หลงใหลคือ กลุ่มดาวกาแล็กซีทางช้างเผือก ซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนมากเนื่องจากบริเวณเสาเฉลียงคู่มืดสนิทไร้แสงไฟรบกวน จึงเหมาะแก่การนอนนับดาวก่อนจะกลับไปยังลานกางเต็นท์
บรรยากาศยามค่ำคืนบนผาชะนะได บางครั้งมีกระแสลมค่อนข้างแรงประกอบกับอากาศที่หนาวเย็นหากคืนไหนฟ้าโปร่ง อากาศดี ยังสามารถนอนดูดาวที่ลานกางเต็นท์ได้อีกด้วย ตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 05.00 นาฬิกา นักท่องเที่ยวควรตื่นก่อนประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อทำกิจวัตรส่วนตัวและเดินทางต่ออีกประมาณ 1 กิโลเมตรไปยังหน้าผาเพื่อเฝ้ารอชมพระอาทิตย์แรกของวัน หากวันไหนอากาศมีความชื้นสูง เช่น ปลายฝนต้นหนาว (ตุลาคม-ธันวาคม) จะมีทะเลหมอกให้ชมสลับกับเทือกเขาที่สลับซับซ้อนทางฝั่งประเทศลาว ท่ามกลางดงดอกไม้ป่านานาชนิดที่ผลิดอกบานสะพรั่งทั่วทั้งผืนป่าดงนาทาม ใกล้กันกับผาชะนะไดยังมีผากำปั่นซึ่งเป็นผาที่มีชะง่อนหินยื่นออกไปทางแม่น้ำโขง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความท้าทายให้ออกไปยืนถ่ายรูปและชมวิวของฝั่งประเทศลาว ผากำปั่นยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีก เช่น ลานหินแตก น้ำตกกวางโตน ถ้ำฝ่ามือแดง เพื่อรอให้นักท่องเที่ยวได้ผจญภัยกัน การเดินทางไปยังผากำปั่นควรติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางในการเดินเท้าเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
เส้นทางสู่ผาชะนะไดเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างขรุขระ นักท่องเที่ยวควรมาถึงบ้านซะซอมหรือบริเวณวัดถ้ำปาฏิหาริย์ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของถนนลาดยางก่อนที่จะเข้าสู่เส้นทางกึ่งออฟโรดก่อนเวลาบ่ายสามโมง เพราะตลอดระยะทาง 15 กิโลเมตรสุดท้ายต่อจากนี้จะใช้เวลาในการเดินทางต่ออีกประมาณ 1-2 ชั่วโมงไปตามทางที่ขรุขระจนถึงปลายทางที่หน่วยบริการนักท่องเที่ยว ที่สุดของความสวยงามในการเดินทางท่องเที่ยวผาชะนะไดคือ อากาศที่หนาวเย็น ทะเลหมอกที่สวยงาม มองเห็นแสงตะวันก่อนใครในประเทศ ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยาก นับว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมาสู่ผืนป่าดงนาทามและผาชะนะได เป็นความประทับใจที่นักท่องเที่ยวไม่อาจลืมและอยากกลับมาสัมผัสกับเสน่ห์ของที่นี่อีกครั้งแน่นอน ทุกๆ วันที่ 31 ธันวาคม ของทุกปี ผาชะนะไดได้มีการจัดงานและพิธีตักบาตรพระสงฆ์ รวมทั้งชมแสงตะวันแรกของปีก่อนใครในประเทศ ความสวยงามเหล่านี้จะหาไม่ได้เลยถ้าเราไม่ออกไปสัมผัสด้วยตัวเอง
การเดินทาง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 2112 จากตัวอำเภอโขงเจียม ถึงบ้านนาโพธิ์กลาง แล้วเลี้ยวขวาตรงไปอีก 10 กิโลเมตร จากนั้นอีก 15 กิโลเมตรสุดท้ายจะเป็นเส้นทางที่ไต่ไปตามลานหินที่ค่อนข้างขรุขระสลับกับขึ้นเนิน
ติดต่อสอบถาม
หน่วยบริการนักท่องเที่ยวผาชะนะได อบต.นาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี โทรศัพท์ 045-381-063
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม โทรศัพท์ 045-246-332–3
ขอบคุณทีมงาน
เที่ยวไปกินไป.com