2 วัน 1 คืน ณ อุบลราชธานี ทริปนี้ต้องลอง
ช่วงนี้วันหยุดน้อยทีมงาน เที่ยวไปกินไป.com ไม่ค่อยได้มีเวลาออกเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เท่าไหร่ พอดีวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมาเป็นวันหยุดพอดี ทีมงานเลยเลือกที่จะมาเที่ยวที่ จ.อุบลราชธานี ทริปนี้สั้นๆ แต่คุ้มมาก ถือว่าเป็นการพักผ่อนที่คุ้มค่าจริงๆ ทีมงานจัดให้ครบเลย ที่กิน ที่เที่ยว และที่พัก จะไปที่ไหนนั้นตามมาดูกันได้เลย 
ก่อนอื่นทีมงานของเราเดินทางมาจาก กทม โดยเครื่องบินสายการบินพี่นกสวย นกหล่อ นะครับ จากนั้นเราก็จัดการเช่ารถที่มีให้บริการในสนามบินทันที ค่าเช่ารถก็จะตามขนาดของรถนะครับ ทีมงานเรามากัน 3 คนเลยเลือกที่จะเช่ารถขนาดเล็ก วันละ 1,000 บาท จัดไป จากนั้นเราก็ออกเลยทางกันเลย ลืมบอกไปว่าทริปนี้เราจะไม่ทำการวางแผนใดๆ ทั้งนั้น ทั้งเรื่องการเดินทาง ที่กิน ที่พัก ค่ำไหนนอนนั้นเลยครับ จุดแรกที่เราจะไปกันคือวัดภูพร้าว ซึ่งวันนี้มีเชื่อเสียงมากเพราะว่าตั้งอยู่บนเขาเตี้ยๆ ไม่สูงมาก แต่จะเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบ และที่สำคัญวัดนี้จะเรืองแสงตอนกลางคืน
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว วัดที่สวย Unseen ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า “วัดภูพร้าว” ตั้งอยู่ที่ อำเภอสิรินธร ห่างจากตัวจังหวัดอุบลราชธานีราว 70 กิโลเมตร …
วัดแห่งนี้กำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีอุโบสถศิลปะล้านช้างที่งดงาม และมีสิ่งมหัศจรรย์ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์เลย ได้แก่ ศิลปะต้นกัลปพฤกษ์ที่ด้านหลังอุโบสถที่สามารถเรืองแสงได้เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง
เมื่อทีมงานของเราถ่ายรูปและชมความงามของวัดสมใจหมายแล้ว เราก็ได้ออกเดินทางกันโดยมุ่งหน้าไปต่อที่ อ.โขงเจียม คาดว่าจะหาที่พักริมแม่น้ำโขงพักแล้วตอนเช้าตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น หาร้านกาแฟอร่อยๆ สักร้าน เมื่อทีมงานเดินทางมาถึงแล้วก็ต้องหาที่กินกันครับ เนื่องจากเรามาถึงที่ อ.โขงเจียม ประมาณ 4 ทุ่มร้านอาหารที่นี้เปิดดึกมาก สมแล้วที่เป็นเมืองการท่องเที่ยว และเราก็มาฝากท้องที่ร้านสเต็กกัน
บ้านสเต็ก ณ โขงเจียม
ตัวร้านเป็นบ้านไม้สองชั้น ชั้นบนเป็นที่พักของเจ้าของร้าน ส่วนด้านล่างถูกตกแต่งได้ชิลๆ มาก แบ่งออกเป็น 2 โซน แบบมีแอร์และไม่มีแอร์ ซึ่งทางทีมงานเราเลือกนั่งฝั่งที่มีแอร์กันครับ ร้านจะตั้งอยู่แถวๆ ที่ว่าการทำเภอโขงเจียมนะครับ ถ้าไปสามารถสอบถามได้เลยหาง่ายไม่ซับซ้อน
ภายในร้านมีมุมเล็กๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวที่มาสามารถเขียนอะไรก็ได้ลงไปในผนังร้าน ทีมงานของเรามาถึงแล้วจะรออะไรครับ จารึกไปเลย เที่ยวไปกินไป.com
เมื่อเราถ่ายรูปกันเสร็จแล้วก็มรดูกันครับว่าทีมงานเราสั่งอะไรบ้าง มาร้านสเต็กก็ต้องไม่พลาดเรื่องเต็กแน่นอนครับ
อิ่มแล้วครับ ด้วยที่เราดินทางกันเกือบจะเที่ยงคืน กว่าที่เราทั้ง 3 คน จะจัดการอาหารตรงหน้าที่เราสั่งมาเรียบร้อยชนิดที่ไม่เหลือให้เก็บคืนเลย เราก็มุ่งหน้าไปหาที่พักกันต่อ
บ้านริมโขง รีสอร์ท
บ้านพักจะเป็นหลังๆ แยกกันซึ่งได้ความเป็นส่วนตัวสูงมาก เหมาะกับการมาพักผ่อนจริงๆ บ้าน 1 หลังสามารถพักได้ 3 คนเพราะว่าภายในจะมี 2 เตียง เตียงเดี่ยวและเตียงคู่ ซึ่งทีมงานเรามาทั้งทีก็จะเลือกแบบธรรมดาก็น่าจะไม่ใช่ ทีมงานเราเลือกบ้านพักริมน้ำ ตื่นเช้าสามารถดูพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ กันเลยทีเดียว
ด้านหน้าของบ้านพักจะมีระเบียงที่ให้ออกไปชมวิวริมแม่น้ำโขงได้ และสามารถที่จะจัดปาร์ตี้ได้ด้วย ระเบียงกว้างมาก ทั้งหลัง 1,500 บาทต่อคืน แต่ทางเจ้าของรีสอร์ทใจดีลดให้เหลือ 1,200 บาท
ชมธรรมชาติตอนเช้ากันพอละ เราก็ออกเดินทางต่อหาที่ฝากท้องอีกแล้วครับ ขอกาแฟอร่อยๆ อาหารเข้าสักหน่อย แล้วเดินทางต่อ
ร้านกาลครั้งหนึ่ง
และแล้วเราก็ค้นพบจุดเช็คอินอีก 1 จุดที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมากันเยอะพอสมควร บรรยากาศของร้านจัดว่าเด็ดเลยทีเดียว ตามมาดูกันครับ ให้ภาพฟ้องเองละกัน
ทางร้านยังมีบริการจักยานให้เช่าด้วยนะครับ เช่าแล้วปั่นรับลม ชมวิว กันทั้งอำเภอเลยก็ว่าได้ ส่วนราคานั้นลืมสอบถามมา
ในร้านจะมีกลุ่มพี่ๆ เขากำลังทอผ้าฝ้ายสวยงามเลยทีเดียว แล้วนำมาแปรรูปเป็นสินค้า เช่น กระเป๋า ที่รองนั่ง เสื้อยืด เป็นต้น สามารถซื้อกลับเป็นของฝากได้เลยทีเดียว
อิ่มท้องแล้ว และยังได้ของฝากสวยๆ จากร้านกาลครั้งหนึ่งด้วย ต่อไปทีมงานของเราก็ต้องเดินทางต่อไปเพื่อกลับเข้าไปที่ตัว อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อเดินทางกลับ ซึ่งก่อนที่เราจะเดินทางกลับนั้นก็ขอแวะไหว้พระขอพรกันสักหน่อย เพื่อเป็นสิริมงคล
วัดถ้ำคูหาสวรรค์
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่ ริมฝั่งแม่น้ำโขงครับ หน้าวัดจะมีรูปปั้น หลวงปู่คำคนิง จุลมณี ประดิษฐานอยู่ด้านบนซุ้มประตูทางเข้าวัด ครับ ประวัติพอสังเขป ของ องค์หลวงปู่คำคนิง จุลมณี เกิดวันพุธ เดือนสี่ ปีกุน ที่บ้านหนองบัว แขวงคำม่วง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว บิดาชื่อ คิน ทะโนราช มารดาชื่อ นุ่น มีพี่น้อง 5 คน หลวงปู่เป็นคนที่ 3 เมื่ออายุได้ 18 ปี ได้แต่งงาน มีบุตร 2 คน ต่อมาได้ขอภรรยาไปบวชเณร เพื่อทดแทนคุณบิดามารดาบวชได้ไม่นาน ก็ลาสิกขาออกมาเลี้ยงลูกเมีย จนลูกโตพอที่จะดูแลตนเองได้ จึงกลับเข้าบวชเป็นพระภิกษุที่วัดอีด่าง เขตจำปาสัก ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เมื่อไหว้พระขอพรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็สมควรแก่เวลาที่จะต้องเดินทางกลับไปยังสนามบิน ทีมงานเที่ยวไปกินไป.com ก็ขอจบทริปนี้เท่านี้แล้วกันนะครับ ต้องรีบแล้ว เดี่ยวตกเครื่อง ไว้โอกาสหน้าจะมาอีกนะครับ
ขอบคุณทีมงาน
เที่ยวไปกินไป.com